Menu

CJ WORX เผยสูตรลับ Data ชนิดไหน ช่วยเพิ่มยอดขายได้ 2 เท่า ! พร้อมเสริมพลังด้วยความสร้างสรรค์และการใช้สื่อ

ถ้าพูดถึงแวดวงการตลาดที่มี Data ของลูกค้าล่องลอยอยู่มากมาย แต่ปัญหาที่แท้จริงของหลาย ๆ แบรนด์ก็คือ การมองไม่ออกว่าตัวเองมีข้อมูลสำคัญอยู่ในมือ หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้น Connect the Dot ตรงไหน จนกลายเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนคลัง Data เป็นขุมทรัพย์เพิ่มยอดขายได้ยังไง ?

วันนี้ ‘คุณชวนา กีรติยุตอมรกุล’ Managing Director จาก CJ WORX Group จะมาไขสูตรความลับจากประสบการณ์ที่ใช้ Data 3 ชนิด เพื่อบูสต์ยอดขายในแคมเปญของหลาย ๆ แบรนด์ จากหัวใจสำคัญของเอเจนซีที่ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจแบบครบวงจร พร้อมใช้ความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ DATA มาสร้างประโยชน์อีกมากมาย

ซึ่งไม่ใช่แค่การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเดียว แต่ต้องผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์การใช้สื่อที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคแบบ Data Driven Media For Full Funnel จึงสามารถสร้างพลังของข้อมูลให้เติมเต็มได้ทุกขั้นตอน จนไปจบที่การสั่งซื้อเลยทีเดียว”

โดย คุณชวนา ได้เจาะลึกว่า “ผู้บริโภคสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อน เพราะต้องการ ‘Co-Creation’ กับแบรนด์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ชอบไปด้วยกัน แปลว่าถ้าเราเข้าใจผู้บริโภคจากการนำ Behavioral Data ของผู้บริโภคมาพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญ จะทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ ๆ และทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น“ 

ดังนั้น แบรนด์จึงควรลงทุนด้าน Data Intelligence เพื่อวางแผนกลยุทธ์การตลาด การขายสินค้า รวมถึงการสร้างประสบการณ์ร่วมที่ดีตั้งแต่ต้นจนจบได้นั่นเอง แล้วจะมี Data ชนิดไหนที่บูสต์ยอดขายให้แบรนด์ได้บ้าง ตามไปอ่านกันเลย ! อะโฮฮฮ


1. Locational Data ข้อมูลเชิงพื้นที่ เจาะลึกอินไซต์โดนใจคน

เริ่มกันที่ขุมทรัพย์แรกอย่าง ‘Locational Data’ CJ WORX ได้ยกแคมเปญ ‘น้องอิงมา’ ที่สร้างการรับรู้ต่อสถานการณ์โรคไข้เลือดออกมาเล่า ด้วยการเปลี่ยน Data ให้กลายเป็นป้ายริมทางรายงานยอดผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อใช้พื้นที่เพิ่มความรู้สึกใกล้ชิด !

นอกจากนี้ยังมีเคสของการยิงสื่อโฆษณา ให้เหล่าคุณแม่ที่เลิกงานสั่งอาหารออนไลน์แล้วแวะรับระหว่างทางกลับบ้าน จากการต่อยอด Data การซื้ออาหารแบบสั่งออนไลน์แล้วรับกลับบ้านที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะในพื้นที่ชานเมืองมาเป็นแคมเปญได้อีกด้วย


2. Chronological Data ข้อมูลเชิงเวลา นำพาพฤติกรรมการจับจ่าย

อีกหนึ่งข้อมูลบูสต์ยอดขายก็คือ ‘Chronological Data’ โดย คุณชวนา อธิบายถึง Data ส่วนนี้ว่าเป็นข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ช่วงเวลาของผู้บริโภค

ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีพฤติกรรมชอบสั่ง Snack มากินเล่นในช่วงบ่ายหลังมื้อเที่ยง

ดังนั้นในช่วงเวลาตั้งแต่ 13:00 – 17:30 น. ก่อนกลับบ้าน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการทำการตลาดแบบ Snacking Moment นั่นเอง


3. Transactional Data ข้อมูลตะกร้าชอปปิง ต่อยอดแคมเปญตรงความชอบ

ข้อมูลล้ำค่าชนิดสุดท้าย ก็คือ ‘Transactional Data’ เกิดจากการวิเคราะห์ชนิดของสินค้าในตะกร้าของผู้บริโภค ซึ่ง คุณชวนา เผยว่า พฤติกรรมผู้บริโภคมีความชอบที่หลากหลาย การเลือกหรือกดสั่งซื้อไปพร้อมกัน ก็คือแหล่งข้อมูลชั้นดี

เมื่อรู้ว่าคนชอบสั่งพิซซ่าคู่กับป็อปคอร์น, โค้กคู่กับแพนเค้ก หรือคัสตาร์ดพุดดิ้งกับมิลก์เชค ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถนำมาสู่แคมเปญที่เพิ่มโอกาสในการซื้อได้ เช่น พิซซ่าหน้าป็อปคอร์น หรือสร้างโปรโมชันแพนเค้กคู่กับโค้ก ก็ช่วยกระตุ้นให้คนใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย

คุณชวนา ยังบอกอีกว่า การใช้ Creative Media ผสานกับ Data ทำให้วิเคราะห์ Next Action ของผู้บริโภค ส่งผลดีต่อการยิงโฆษณา สร้างยอด Conversion Rate ที่ดี ไปจนถึงสามารถสร้างยอดขายจากพฤติกรรมที่ต่อเนื่องได้เช่นกัน

นอกจากนี้ การเลือกใช้สื่อโดยมี Data เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ทำให้รู้ถึงผลกระทบในเชิงพื้นที่ต่าง ๆ ได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสื่อออนไลน์เท่านั้น แต่ยังสามารถวัดค่าของสื่ออย่างบิลบอร์ดทั่วประเทศได้ด้วย เช่น ถ้าแบรนด์ต้องการสื่อสารในภาพรวม ควรเลือกใช้จุดใดบ้าง หรือต้องการสื่อสารกับคนเฉพาะกลุ่ม การติดตั้งโฆษณาในจังหวัดทางผ่านก็อาจได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

“เพราะ Data ที่ดี ต้องควบคู่กับพลัง Creativity
และประสบการณ์ Media ที่ทรงประสิทธิภาพ
จึงทำให้การใช้ Data เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งกับผู้บริโภค และแบรนด์”

Author

RELATED ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save